ชื่อภาษาอังกฤษ : Water Meal,Swamp Algae
ชั้น:
Liliopsida
อันดับ:
Alismatales
วงศ์:
Lemnaceae
สกุล:
Wolffia : Wolffia globosa
ชื่อพ้อง
: ไข่น้ำ ,ไข่ขำ,ผำ,ไข่ผำ,
ไข่น้ำมีหลายสกุล
เช่น
Wolffia arrhiza (L.) Wimm.และWolffia
globosa
2.2 ลักษณะทั่วไป

(จากโครงร่างงานวิจัยเรื่องปัจจัยและความเป็นไปได้ในการเพาะเลี้ยงไข่น้ำ)
การศึกษาชีววิทยาของไข่น้ำพบว่า
ไข่น้ำมีอยู่หลายชนิด เป็นพันธุ์ไม้ดอกที่มีต้นเล็กที่สุดในโลก
เป็นพืชน้ำที่มีมีราก มีรูปร่างค่อนข้างกลมหรือยาวรี สีเขียวเป็นมัน
มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5-1.5 มิลลิเมตร ชอบขึ้นในที่อากาศร้อนและแสงแดดมาก
ไข่น้ำ โดยทั่วไปมัดพบในแหล่งน้ำซึ่งมีน้ำนิ่ง เช่น หนอง บึง หรือบ่อเก่าๆ
ที่มีใบไม้และมูลสัตว์สะสมอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
เมื่อฝนตกน้ำฝนจะชะปุ๋ยแล้วจึงไหลมารวมกันอยู่ในหนอง บึง หรือบ่อ
ต่อมาก็จะมีแหนหรือไข่น้ำขึ้น
การเจริญเติบโตของไข่น้ำขึ้นอยู่กับอาหารหรือปุ๋ยที่มีอยู่ในน้ำ
ไข่น้ำต้องการธาตุอาหารเช่นเดียวกับพืชโดยทั่วไป เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส
และโปแตสเซียม ไขน้ำต้องการพลังงานแสงเพื่อการสังเคราะห์แสง
โดยปกติไข่น้ำเป็นพืชที่เจริญเติบโตเร็วในช่วงฤดูหนาวต่อกับฤดูร้อน
และลดอัตราการเจริญเติบโตลงในฤดูฝน
ซึ่งอาจเนื่องจากความเข้มข้นของธาตุอาหารในฤดูฝนยังเจือจางกว่า
ประกอบกับความเข้มของแสงน้อยกว่าด้วย
จากการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการไข่น้ำพบว่า ไข่น้ำมีความชื้น 20-22% โปรตีน 17.88% ไขมัน 0.20% เถ้า
23.50% กากและคาร์โบไฮเดรต 38.2% และแคลเซียม
0.09%
ในทางการประมง
ไข่น้ำจัดเป็นอาหารธรรมชาติประเภทที่มีประโยชน์มากเพราะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
และนอกจากจะเป็นอาหารที่ดีของสัตว์น้ำแล้ว ไข่น้ำยังเป็นอาหารที่ดีของสัตว์บก เช่น
หมู เป็ด และยิ่งไปกว่านั้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือก็นิยมรับประทานเป็นอาหารโปรดด้วย
(กรมประมง, 2532)
ในต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคอีสานและภาคเหนือมีขายในตลาดตอนเช้าเสมอโดยตวงขายเป็นถ้วยหรือเป็นลิตร
หรือชั่งขายเป็นกิโลกรัม ไข่น้ำเป็นพืชที่เรารับประทานกันมาตั้งแต่สมัย ปู่ ย่า ตา
ยาย โดยไม่มีพิษแต่อย่างใด นอกจากไม่มีพิษแล้วยังมีคุณค่าทางอาหารสูง
โดยเฉพาะมีปริมาณโปรตีนสูงถึง 30 เปอร์เซ็น ซึ่งมากกว่าผักสีเขียวอื่นๆ โยทั่วไป
(บุหลัน, 2519)
ไข่น้ำเป็นพืชที่ถูกละเลยความสนใจมานาน
ส่วนมากได้มาจากการพบโดยบังเอิญหรืออาศัยความคุ้นเคยจากการไปเก็บเกี่ยวจากแหล่งน้ำเดิมที่เคยพบมาก่อนจึงทำให้ปริมาณไข่น้ำในธรรมชาติมีปริมาณลดน้อยลงจนแทบจะกลายเป็นพืชน้ำที่หายากอีกชนิดหนึ่ง
ดังนั้นถ้าหากสามารถหาแนวทางในการเพิ่มปริมาณไข่น้ำในธรรมชาติให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น
และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านอาหารสัตว์น้ำ สัตว์บก และมนุษย์
ก็จะเป็นการลดต้นทุนค่าอาหารในอนาคตต่อไป (ศิริภาวี นำชัย และสุทธิพงศ์, 2545 อ้างโดย Chareontesprasit
and Jiwyam 2001)
จากการตรวจเอกสารพบว่าได้มีการทดลองหาผลผลิตของแหนเป็ดและไข่น้ำโดย กำธร
(2519) โดยเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ขนาด 6 ตารางเมตร
ซึ่งปกติใช้ทดลองเลี้ยงปลาไหลนาใส่น้ำ 30 เซนติเมตร
ก้นบ่อใส่ดินโคลนและให้อาหารปลาเป็ดบดเป็นอาหารปลาไหล
บนผิวน้ำทดลองปลูกแหนเป็ดและไข่น้ำ เริ่มต้น 100 กรัม นาน 2 อาทิตย์ พบว่า
ผลจากการทดลองโดยเฉลี่ยไข่น้ำให้ผลผลิตสูงกว่าแหนเป็ด ซึ่งไข่น้ำให้ผลผลิตเฉลี่ย 6,483.33
กรัม และแหนเป็ดให้ผลผลิตเฉลี่ย 4053.33 กรัม
และต่อมา ศิริภาวี นำชัย และสุทธิพงศ์
(2545) ได้กล่าวถึงขั้นตอนการเพาะเลี้ยงไข่น้ำในบ่อโดยการใช้มูลสุกร มูลไก่ มูลโค
และอาหารเลี้ยงสาหร่ายสูตร BG-11 เป็นปุ๋ย พร้อมทั้งคำนวณอัตราการเจริญเติบโต
และรายงานว่าการเลี้ยงไข่น้ำจำนวน 0.1 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
จะให้ผลผลิตที่สามารถเก็บได้ภายใน 3-6 วัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น